1.ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิคส์
แบ่งได้กี่วิธี อะไรบ้าง
ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิคส์ แบ่งได้ 3วิธี
ดังนี้
1. ขั้นเตรียมข้อมูล
เป็นการเตรียมข้อมูลเพื่อให้สะดวกต่อการประมวลผล
ซึ่งมี 4 วิธี
1.1 การลงรหัส
1.2 การตรวจสอบ
1.3 การจำแนก
1.4 การบันทึกข้อมูลลงสื่อ
2. ขั้นตอนการประมวลผล
คือ เป็นการนำเอาโปรแกรมที่เขียนขึ้น
มาใช้เพื่อประมวลผลข้อมูลที่ได้เตรียมไว้และข้อมูลยังคงเก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็นวิธีการผลิตสารสนเทศต่างๆ เช่น
2.1 การคำนวณ
2.2 การเรียงลำดับข้อมูล
2.3 การสรุป
2.4 การเปรียบเทียบ
3. ขั้นตอนการแสดงผลลัพธ์
เป็นขั้นตอนการเผยแพร่สารสนเทศให้กับผู้ใช้ในรูปแบบต่างๆ อาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร รายงาน การนำเสนอบนจอภาพ
โดยการใช้คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
2.จงเรียงลำดับโครงสร้างข้อมูลจากขนาดเล็กไปใหญ่พร้อมอธิบายความหมายของโครงสร้างข้มูลแต่ล่ะแบบ
โครงสร้างของข้อมูล
1. รหัส (Code)
คือ สัญลักษณ์ใช้แทนข้อมูล
โดยปกติใช้เลขฐานสองเป็นรหัส
2. บิท (Bit : Binary Digit)
คือหลักในเลขฐานสอง ได้แก่ 0 และ 1
3. ไบต์ (Byte)
คือ กลุ่มของบิทโดยกำหนดให้ 8 บิท = 1 ไบต์
4. อักขระ (Character)
คือ รูปแบบ หรือ
สัญลักษณ์ที่ใช้แทนภาษาของมนุษย์ แบ่งได้ ดังนี้
4.1 ตัวอักษร (Font) ได้แก่ A-Z,ก-ฮ เป็นต้น
4.2 ตัวเลข (Number) ได้แก่ 0-9 เป็นต้น
4.3 เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ (Symbol)
ได้แก่ @, &, $ เป็นต้น
5. คำ (Word)
คือ กลุ่มของอักขระรวมกันเป็นความหมาย
6. เขตข้อมูล (Field)
คือ คืออักษรตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป ที่มีความสัมพันธ์กัน เป็นรายละเอียด
ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ชื่อ,ที่อยู่หรือตำแหน่ง
7. ระเบียน (Record)
คือ ชุดของเขตข้อมูลต่าง ๆ
ที่มีความสัมพันธ์
8. แฟ้มข้อมูล
คือ ระเบียน ตั้งแต่ 1 ระเบียนขึ้นไป มีโครงสร้างของข้อมูลเหมือนกัน
และสัมพันธ์กัน มาเก็บไว้ในที่เดียวกัน
สามารถนำไปใช้งานได้ เช่น
แฟ้มข้อมูลนักเรียนทั้งหมดในโรงเรียน
นอกจากโครงสร้างของข้อมูลทั้ง 8 โครงสร้างแล้ว ระบบฐานข้อมูลจำเป็นต้องอาศัยโครงสร้างของข้อมูลเพิ่มอีก 2 ชนิดคือ
เอนทิตี้ (ENTITY)
หมายถึง ชื่อของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เปรียบเสมือนคำนาม อาจได้แก่ คน
สถานที่ สิ่งของ การกระทำ ซึ่งต้องการจัดเก็บข้อมูลไว้ เช่น เอนทิตี้ของลูกค้า
เอนทิตี้ของพนักงาน เป็นต้น บางเอนทิตี้อาจจะไม่มีความหมายเลย
หากขาดเอนทิตี้อื่นในฐานข้อมูล เช่น เอนทิตี้ประวัตินักสึกษาจะไม่มีความหมาย
หากปราศจากเอนทิตี้นักศึกษา เพราะจะไม่ทราบว่าเป็นประวัติของนักศึกษาคนใด
แอททริบิวต์ (ATTRIBUTE)
หมายถึง รายละเอียดข้อมูลที่แสดงลักษณะและคุณสมบัติของเอนทิตี้หนึ่ง
ๆ เช่น เอนทิตี้นักศึกษา ประกอบด้วย แอททริบิวต์รหัสนักศึกษา ชื่อนักเรียนศึกษา
ที่อยู่นักศึกษา เป็นต้น
บางเอนทิตี้ก็ยังประกอบด้วยข้อมูลหลายส่วน
กลายแอททริบิวต์ย่อยมารวมกัน เช่น
แอททริบิวต์ที่อยู่นักศึกษา ประกอบด้วย
บ้านเลขที่ ถนน ตำบล อำเภอ จังหวัด ดังนั้น
แอททริบิวต์ที่อยู่นักศึกษาจึงเป็น
แอททริบิวต์ผสม (COMPOSITE ATTRIBUTE)
บางแอททริบิวต์ก็อาจจะไม่มีค่าของตัวมันเอง
แต่จะสามารถหาค่าได้จากแอททริบิวต์อื่น เช่น แอททริบิวต์อายุ อาจคำนวณได้จาก
แอททริบิวต์วันเกิด ลักษณะเช่นนี้จึงอาจเรียกแอททริบิวต์อายุว่าเป็น
แอททริบิวต์ที่แปรผลค่ามา (DERIVED ATTRIBUTE)
3.ให้ออกแบบแฟ้มข้อมูลจำนวน 1แฟ้มโดยกำหนด Fieldและ Record ตามเหมาะสม
แฟ้มข้อมูลและส่วนประกอบ
ในแฟ้มข้อมูลต่าง ๆ
นั้นจำเป็นจะต้องประกอบด้วยข้อมูลที่ต้องการใช้
โดยอาจเก็บเป็นแฟ้มเดียวหรือหลายแฟ้มก็ได้ขึ้นกับจำนวนข้อมูล
และการออกแบบการจัดการในแฟ้มข้อมูลหนึ่ง อาจแบ่งเป็นระเบียน(record)
แบบเดียวกันจำนวนหลายระเบียน โดย1 ระเบียนคือข้อมูล
1 รายการนั่นเอง เช่น แฟ้มข้อมูลนักเรียน 1 ระเบียน คือข้อมูลของนักเรียน 1 คน
โดยในแต่ละระเบียนอาจแบ่งเป็น เขตข้อมูล (field) โดย
แต่ละเขตข้อมูล ก็คือรายการย่อย เช่น แฟ้มข้อมูลนักเรียน เขตข้อมูลอาจเป็น
เลขประจำตัว ชื่อ ชื่อสกุล ฯลฯ ดังรูป (โดยควรกำหนดสมบัติต่าง ๆ ของเขตข้อมูลให้เหมาะสม
ด้วยเช่น ชื่อเขต ชนิดของข้อมูล ขนาดของเขตข้อมูล)
เขตข้อมูล ระเบียน และแฟ้มข้อมูลนักศึกษา
http://203.130.141.199/NewDBMS/db02.htm
4.จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการประมวลผลข้อมูลแบบแบชและแบบเรียลไทม์
การประมวลผลข้อมูลและการจัดการข้อมูล
1
การประมวลผลข้อมูล (Data Processing) การประมวลผลข้อมูลสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
1.1
การประมวลผลแบบแบตซ์ (Batch Processing)
คือการประมวลผลข้อมูลที่ได้ทำการเก็บรวบรวมไว้เป็นชุดข้อมูล
แล้วจึงนำส่งข้อมูลเหล่านั้นไปทำการประมวลผลข้อมูลพร้อมกันทั้งหมด ทีเดียวซึ่งระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้เพื่อรอการประมวลผล อาจจะเป็นรายวัน รายสัปดาห์
รายเดือน หรือรายปี เป็นต้น
เช่นการประมวลผลการเสียภาษีประจำปี
การคิดดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคาร
1.2
การประมวลผลแบบเรียลไทม์ (Real
- Time Processing) คือ การประมวลผลทันทีทุกครั้งที่มีการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ บางทีอาจจะเรียกว่า การประมวลผลแบบ Transaction Processing
เช่น
ระบบเงินฝาก - ถอนเงินด้วย
ATM ของธนาคาร ระบบสำรองที่นั่งในเครื่องบิน
ระบบการตัดยอดสินค้าคงคลังทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้า เป็นต้น
การประมวลผลข้อมูลทั้งสองวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานของระบบว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องทำการประมวลผลทันทีหรือสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เป็นกลุ่มก่อนแล้วจึงทำการประมวลผลพร้อมกันทีเดียว เช่น
การประมวลผลการเสียภาษี
จะทำการประมวลผล 1 ปีต่อครั้ง เนื่องจากการคิดภาษีเป็นการคิดจากรายได้ตลอดปี
แต่การตัดยอดบัญชีเงินฝากของลูกค้าจำเป็นที่จะต้องทำการประมวลผลทันทีทุกครั้งที่มีการฝากหรือถอนเงิน ทั้งนี้เพื่อทราบยอดคงเหลือที่ลูกค้ามีอยู่ ณ
ปัจจุบัน เป็นต้น
www.computer.cmru.ac.th/trid/pto/IT
ขอขอบคุณเเหล่งข้อมูลจากเว็บไซร์
ขอขอบคุณเเหล่งข้อมูลจากเว็บไซร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น